รู้หรือไม่ ว่าตัวอักษรในรูปเยอะเกินไปก็ส่งผลให้โฆษณาในเฟสบุ๊คของเราไม่วิ่งเหมือนกัน…
ใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวแล้วเฟสบุ๊คจะยอมปล่อยโฆษณาให้ แต่โพสต์ที่เราทำมันต้องไปในทางเดียวกับข้อกำหนดของเขาด้วย เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
ซึ่งเฟสบุ๊คให้เหตุผลว่ารูปภาพที่น่าสนใจ ต้องมีสัดส่วนที่เป็นตัวอักษรไม่มากเกินไป อย่างเมื่อก่อนเขาจะใช้ “20% rule” โดยวัดจากการตีช่องสี่เหลี่ยมบนรูป และดูว่าตัวอักษรเกิน 20% รึเปล่า? หรือถ้าตามตัวอย่างรูปข้างล่างก็คือ 5 ช่องนั่นเอง

แต่ปัญหาของวิธีนี้คือ ถึงแม้เราจะมีตัวอักษรเท่าเดิม แต่ดันไปวางทับกันหลายช่อง เฟสบุ๊คก็จะบอกว่ามันเกิน 20% อยู่ดี

ทุกวันนี้เขาเลยเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Text Overlay Tools” แทน ซึ่งเขาก็วัดตามสัดส่วนของตัวอักษรเหมือนเดิม โดยเราสามารถอัพโหลดรูปภาพของเราขึ้นไปได้เลย แล้วเดี๋ยวเฟสบุ๊คบอกเองว่าตัวอักษรเยอะไปรึเปล่า โดยลองเข้าไปเช็คได้ที่ Facebook Text Overlay Tools

โดยมันจะมีอยู่ 4 ระดับ ตามสัดส่วนของตัวอักษร

มันไม่ได้แปลว่าตัวอักษรเยอะปุ๊ป โฆษณาไม่วิ่งเลย แต่มันจะไล่ตามระดับของมัน ถ้าเยอะหน่อยคนอาจจะเห็นโฆษณาน้อยลง ถ้าตัวอักษรตู้มๆเลยก็ถึงขั้นไม่วิ่งเลยก็ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวอักษรบางประเภทเฟสบุ๊คก็ยกเว้นให้เหมือนกัน ได้แก่…
- ปกหนังสือ ปกเพลง
- ห่อใส่สินค้า (ในกรณีที่เห็นสินค้าทั้งชิ้น)
- ภาพจากเกม
- โปสเตอร์ของอีเว้นท์งาน
แต่ถ้าเป็นพวกโลโก้ที่เป็นตัวอักษร ลายน้ำในรูป หรือตัวเลขก็ไม่รอด พี่แกนับเป็นตัวอักษรหมด
แล้วถ้าตัวอักษรเยอะเกินไป เราจะทำอย่างไร?
ตรงไปตรงมาเลย ก็คือตัดคำที่ไม่จำเป็นทิ้งซะ เพราะต้องย้อนดูก่อนว่าเราทำโพสต์เป็นรูปภาพเพื่ออะไร? ก็เพื่อให้โพสต์ของเราน่าสนใจ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของรูปภาพก็ควรจะเป็นการดึงดูดให้คนสนใจก่อน จากนั้นค่อยอ่านรายละเอียดตรงคำอธิบายภาพก็ได้ อย่าพยายามยัดข้อมูลให้คนดูรู้ทุกอย่างจากรูปภาพของเรา เพราะเขาอาจจะไม่สนใจตั้งแต่แรกเลย
และอย่าลืมว่าเฟสบุ๊ควัดจาก “สัดส่วน” ตัวอักษรในภาพ ไม่ได้วัดตามปริมาณ ถ้าในภาพมีไม่กี่คำแต่ตัวอักษรใหญ่เบิ้มก็ถือว่าตัวอักษรเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องลองลดขนาดดูด้วย
หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับธุรกิจที่กำลังทำการตลาดออนไลน์อยู่ถ้าชอบอย่าลืมแชร์โพสต์ให้เพื่อนๆ และติดตามเราได้ที่ PWORK Facebook Fanpage นะครับ